ONLINE

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

วางระเบิดคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจศรีสาครรถพัง 18 คัน เจ็บ 5 ราย

วางระเบิดคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจศรีสาครรถพัง 18 คัน เจ็บ 5 ราย

       เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 มี.ค. 54 ร.ต.ท.วีระทัย ศรีหมั่น ร้อยเวร สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณใต้ถุงแฟลต 5 ชั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ศีสาคร ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนบ้านฆอรอกาเว หมู่1 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.วุฒิพงศ์ เย็นจิตร ผกก.สภ.ศีสาคร นายไพโรจน์ จริตงาม นายอำเภอศรีสาคร ร.ต.ท.นัฐวิทย์ วันเพ็ญศรี รอง สว.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารชุด ฉก.นราธิวาสที่ 37 จำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

       พบใต้ถุนอาคารแฟลต 5 ชั้น เพลิงกำลังโหมลุกลามและกำลังลามกินพื้นที่อาคารชั้น 2 เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังหน่วยบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลตำบลศรีสาคร เพื่อขอสนับสนุนรถดับเพลิงมาทำการฉีดน้ำดับไฟ จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 10 นาที เพลิงจึงได้สงบลง และเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่ารถยนต์เก๋งและรถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดอยู่ จำนวน 18 คัน ถูกไฟไหม้จากแรงระเบิด14คันและกระจกแตกได้รับความเสียหายอีก 4 คัน โดยเฉพาะรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีบรอนส์-เงิน ทะเบียน บฉ-2400 ยะลา ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนปลอมที่เขียนขึ้นมาเอง คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ใน ถังแก๊สหุ้งต้มปิกนิก สีแดง หนัก 15 ก.ก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ อยู่ในสภาพพังยับเยิน แถมชิ้นส่วนของรถยนต์ยังกระเด็นไปถูกกระจกหน้าต่างบ้านพักของชาวบ้านที่อยู่ ฝั่งตรงข้าม ได้รับความเสียหายไป จำนวน 3 หลัง

       นอกจากนี้แล้วที่บริเวณฝาผนังปูนใต้ถุนอาคารยังถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสีย หาย ส่วนระบบน้ำประปาและระบบไฟฟ้าของแฟลตตำรวจได้รับความเสียหายจนใช้งานไม่ได้ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 5 ราย แยกเป็นตำรวจ 4 รายชาวบ้าน 1 ราย นำส่ง รพ.ศรีสาคร เพียง1ราย คือ จ.ส.ต.สานิตย์ ขวัญสุข ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ศรีสาคร

       จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีชายวัยรุ่น จำนวน 1 คน แฝงตัวขับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนส์-เงิน ขับไปจอดไว้ที่บริเวณใต้ถุนอาคารของแฟลตตำรวจ แล้วชายดังกล่าวได้วิ่งมาซ้อนท้ายรถ จยย.ของเพื่อนที่มารอรับ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็นท่าทีมีพิรุธ จึงได้วิทยุให้เพื่อนตำรวจช่วยกันสกัด เมื่อคนร้ายขี่รถ จยย.ถึงบริเวณหน้าบ้านพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งห่างจากแฟลตจุดเกิดเหตุ ประมาณ 50 เมตร คนร้ายได้เบี่ยงความสนใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยการใช้ระเบิดขว้างชนิดเอ็ม.26 ใส่บ้านพักตำรวจซึ่งเปิดเป็นร้านค้า จำนวน 1 ลูก จนทำให้ จ.ส.ต.สานิตย์ ขวัญสุข ยืนอยู่หน้าบ้านพักของตนเองได้รับบาดเจ็บ รวม 5 ราย หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที คนร้ายอีกชุดหนึ่งซึ่งคาดว่าแฝงตัวอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก็สหุ้ง ต้มหนัก 15 ก.ก. ที่นำไปซุกซ่อนใส่ไว้ในรถยนต์กระบะโตโยต้า จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไฟลุกท่วมใต้ถุนอาคารแฟลตตำรวจ เนื่องจากคนร้ายยังได้นำน้ำมันเชื้อเพลิงบรรจุใส่แกลลอนซุกไว้ในรถระเบิด ด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อาศัยอยู่บนอาคาร ต่างได้พากันอพยพครอบครัววิ่งลงมาอยู่ชั้นล่าง อย่างโกลาหลโชคดีที่จุดนี้ไม่มีคนเจ็บ แต่รถยนต์ของเจ้าหน้าที่เสียหายทั้งหมด ....

วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ลอบวางระเบิดทหารชุดคุ้มครองครู



       เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 22 ก.พ.54 พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิต ผบก.ภจว.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.ต.อ. ไมตรี ฉิมเฉิด ผกก.กลุ่มงานสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธร จ.นราธิวาส นำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดร้อยปืนเล็กที่3 ฉก.นราธิวาสที่32 กองทัพเรือ เหตุเกิดที่บริเวณริมถนนปากทางเข้าโรงเรียนบ้านกูแว หมู่ 1 ต.ลูโบ๊ะบายะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส พบเศษชิ้นส่วนระเบิดทั้งเศษกล่องเหล็กและเศษชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือกระจายเกลื่อนเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน


      โดยคนร้ายได้นำระเบิดเคโมบรรจุใส่ไว้ในกล่องเหล็กน้ำหนักประมาณ 5 กกนำไปฝังไว้ที่บริเวณใต้พุ่มไม้ที่รกทึบติดหัวสะพานข้ามคลองทางเข้าโรงเรียน ซึ่งห่างจากโรงเรียนบ้านกูแว 1กม. ซึ่งคนร้ายได้ตั้งการจุดฉนวนระเบิดไว้ 2 ระบบทั้งจุดฉนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือและระบบตั้งเวลา ขณะเดียวกัน พันจ่าเอกปราโมทย์ ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าชุด รปภ.ครู สังกัดร้อยปืนเล็กที่3 ฉก.นราธิวาสที่32 กองทัพเรือ ได้นำกำลังทหาร 11 นายใช้รถ จักรยานยนต์ขับนำหน้าเพื่อไปส่งครูเมื่อมาใกล้ถึงที่เกิดเหตุห่างกัน100 เมตร จึงเกิดระเบิดขึ้นโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากระเบิดทำงานก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง.....

  

บึ้มยะลาซ้ำ ดับ 1 เจ็บ 12


บึ้มยะลาซ้ำ ดับ 1 เจ็บ 12 ผู้การยะลา สั่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด
       เมื่อวันที่ 21 กพ.54 เวลา 16.40 น. ศูนย์รวมข่าว สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณถนนระนอง เขตเทศบาลนครยะลา มีผู้บาดเจ็บจำนวนหลายราย จึงได้แจ้ง พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี ผกก.สภ.เมืองยะลา ทราบพร้อมประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครยะลา รุดไปที่เกิดเหตุทันที
       เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุคาร์บอมเมื่อวันที่ 13 กพ.54 ที่ผ่านมาประมาณ 100 เมตร พบว่าไฟกำลังลุกไหม้รถยนต์ของตำรวจทางหลวง และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ริมถนน จำนวนหลายคัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้ฉีดน้ำเพื่อดับไฟ จากนั้นจึงได้ช่วยกันลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา รวม 12 ราย โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพหญิงยังไม่ทราบชื่อนอนเสียชีวิตอยู่ 1 ราย
       จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงขับรถผ่านตรงจุดเกิดเหตุ คนร้ายซึ่งได้นำรถจักรยานยนต์ซุกซ่อนระเบิดจอดอยู่ริมถนนตรงข้ามร้านข้าวต้มโอเค ถนนระนอง ได้จุดชนวนระเบิดขึ้นทันที แรงระเบิดทำให้ไฟลุกไหม้รถยนต์ของตำรวจทางหลวงและรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
       หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทันที เพื่อติดตามพฤติกรรมของคนร้าย ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ เนื่องจากในบริเวณดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดอยู่จำนวนหลายตัว
    

วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คืบหน้าคาร์บอมยะลา เจ็บรวม 18 ราย ร้านค้าวอด 12 หลัง13 02 54

คืบหน้าคาร์บอมยะลา เจ็บรวม 18 ราย ร้านค้าวอด 12 หลัง เสียหายกว่า 10 ล้านบาท ในขณะที่วงจรปิดพบคนร้ายนำรถมาจอด ส่วน ผวจ.ยะลา สั่งดูแลผู้ได้รับผลกระทบเต็มที่

      จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายนำรถยนต์ซุกซ่อนวัตถุระเบิด มาจอดที่หน้าร้านเฮนเบเกอรี่ ถนน ณ นคร เขตเทศบาลนครยะลา แล้วจุดชนวนระเบิดขึ้นในขณะที่มีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ทหารวิ่งผ่านมา เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย นอกจากนั้นยังทำให้บ้านเรือนที่เป็นร้านค้าถูกเพลิงไหม้นับสิบคูหา เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.50 น. ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

      ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้ร้านค้าตรงจุดเกิดเหตุเอาไว้ได้แล้ว โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง โดยในเบื้องต้นบ้านเรือนของชาวบ้านที่เปิดเป็นร้านค้าถูกเพลิงไหม้จำนวน 12 หลัง ค่าเสียหายจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 18 ราย ทราบชื่อคือ สอ.ชานนท์ สองแก้ว พลทหารวรินรันต์ จันทร์ดี สต.ชาติชาย ประไมยะ ทหารสังกัด ฉก.ยะลา 14 นายเดชณรงค์ พันโท น.ส.อังคณาค์ ภัทรพงศ์ น.ส.ชลัยพร เรือนธรรม นายสมศักดิ์ รักพงษ์ นางศิริพร เรือนธรรม นางทักษิณา วงศ์จุมปู ด.ช.นิลพัทธ แก้วเกาะสะบ้า นายหมู แซ่เสี้ยว นายสุวัฒน์ ไตยรงค์เจริญสุข นายสมมาตร บุญรุ่ง นางปภาดา ผิวเกลี้ยง นายธนันต์ ฉั่วพานิชย์ นางเตือนใจ กลัดทอง และยังไม่ทราบชื่อ 1 ราย โดยส่วนใหญ่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนที่เหลือนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 7 คน

      แหล่งข่าวจากชุดสืบสวน ระบุว่า กล้องวงจรปิดในบริเวณจุดเกิดเหตุ สามารถบันทึกภาพของคนร้ายที่นำรถคันดังกล่าวมาจอดได้ โดยเมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. คนร้ายได้ขับรถยนต์กระบะดีแมค มาจอดตรงจุดเกิดเหตุ แล้วเดินลงจากรถข้ามฝั่งไปยังด้านหน้าของธนาคารนครหลวงไทย สาขายะลา จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.50 น.ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 14 ขับรถยนต์กระบะอีซูซุ หมายเลขทะเบียน บต.6817 ปัตตานี ผ่านมา คนร้ายจึงกดระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารและชาวบ้านบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพของคนร้าย เอาไว้ได้ มาเทียบกับกลุ่มคนร้ายเป้าหมายแล้ว

      “สำหรับระเบิดที่คนร้ายนำมาซุกซ่อนอยู่ในรถคันดังกล่าว ในเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สปิกนิกจำนวน 3 ลูก น้ำหนักรวมไม่ต่ำกว่า 20 กก. เนื่องจากยังมีถังแก๊สปิกนิกบรรจุระเบิด กระเด็นออกจากตัวรถอีก 1 ถัง และไม่ได้เกิดระเบิดขึ้น ส่วนการจุดชนวนเชื่อว่าเป็นระบบรีโมทคอนโทรล หรือระบบมือถือ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกครั้ง”

      ด้านนายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายไม่ต่ำ กว่า 11 คูหา ซึ่งการช่วยเหลือเบื้องต้น นั้น ทางจังหวัดยะลาจะร่วมกับเทศบาลนครยะลา นำตั้งเต้นท์มารับแจ้งมูลค่าความเสียหาย โดยที่บ้านเสียหายทั้งหลังทางจังหวัดจะจ่ายให้ 25 เปอร์เซ็นต์ก่อน หลังจากนั้นก็จะให้ทางเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลนครยะลา กับศูนย์เยียวยาจังหวัดประเมินมูลค่าความเสียหาย ซึ่งทางจังหวัดจะจ่ายตามความเป็นจริง โดยจะนำเงินเยียวยาที่ทางจังหวัดมีอยู่มาช่วยเหลือในทันที ซึ่งการเยียวยาในครั้งนี้ไม่ได้เยียวยาเฉพาะความเสียหายบ้านเรือนเท่านั้น แต่จะเยียวยามูลค่า สินค้า ที่ได้รับความเสียหายด้วยซึ่งหากร้านค้าใดมีใบสั่งของ มีและหลักฐาน ก็สามารถที่จะนำมาขอรับการเยียวยาได้ ในส่วนของการเกิดเหตุนั้น ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวแจ้งเตือนมาโดยตลอด ตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ เทศกาลตรุษจีน และทางจังหวัดก็ได้ดูแลระมัดระวัง

      “ซึ่งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 45 ที่ผ่านมา ก็เป็นสถาปนากองอาสารักษาดินแดน ก็มีข่าวแจ้งเตือนจากหน่วยงานความมั่นคงว่า จะมีเหตุ แต่ในวันนี้คนร้ายใช้วิธีการแบบการหาเหยื่อ เอารถมาจอดไว้ เมื่อมีรถเจ้าหน้าที่ขับผ่านจึงได้กดระเบิดขึ้น แต่เผอิญว่า มีเศษไฟจากวัตถุระเบิดเข้าไปในบ้านราษฎร ซึ่งเป็นบ้านเรือนหลังเก่า และก็มีเชื้อเพลิงอยู่แล้ว ก็เลยทำให้เกิดความเสียหายมาก ตนเองขอแสดงความเสียใจ และขอโทษประชาชนชาวยะลา แต่ว่า การแก้ไขปัญหานั้นทางจังหวัดจะเยียวยาให้เร็ว และให้มากที่สุด” ผวจ.ยะลา กล่าว

      ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวอีกว่า ในเรื่องของมาตรการในการรักษาความปลอดภัยนั้น นอกจากจะตั้งด่านจุดตรวจ จุดสกัดแล้ว ก็จะทีกำลังเจ้าหน้าที่ที่เป็น รถจักรยานยนต์เคลื่อนที่มารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ซึ่งทางจังหวัดได้กำหนดพื้นที่ ที่เป็นย่านชุมชน ย่านการค้า ย่านธุรกิจของชาวจีนกับชาวไทยพุทธเป็นกรณีพิเศษ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายมุ่งให้เกิดความแตกแยก โดยมุ่งมาทำร้ายชุมชนชาวไทยพุทธกับชุมชนคนจีน เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่จึงต้องดูแลคนไทยพุทธ และคนจีนเป็นกรณีพิเศษไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก

คาร์บอม์กลางเมืองยะลา 13 กพ.54 เวลา 09.50 น.

คาร์บอม์กลางเมืองยะลา เจ้าหน้าที่-ชาวบ้านเจ็บนับสิบเจ็บ ขณะที่เหตุระเบิดยังทำให้บ้านเรือนเกิดเพลิงลุกไหม้เสียหายอีกหลายหลัง

      เมื่อวันที่ 13 กพ.54 เวลา 09.50 น. ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณ ถนน ณ.นคร เยื้องธนาคารนครหลวง เขตเทศบาลนครยะลา มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงได้แจ้ง พ.ต.อ.กฤษฏา แก้วจันดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา ทราบ พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร มูลนิธิกู้ภัย เหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าไปยังที่เกิดเหตุทันที

      เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเบื้องต้นเป็นเจ้าหน้าที่ ทหาร และประชาชน จำนวน 9-10 ราย นำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา นอกจากนั้นแรงระเบิด ยังทำให้เกิดเพลิงไหม้อาคารซึ่งอยู่ตรงจุดเกิดเหตุจำนวน 4 หลัง เจ้าหน้าที่จึงได้วิทยุระดมขอรถดับเพลิง ของเทศบาลนครยะลา มาช่วยกันดับไฟซึ่งกำลังโหมไหม้อย่างหนัก เนื่องจากในละแวกดังกล่าวเป็นบ้านไม้ ค่อนข้างเก่า จึงไม่สามารถเข้าตรวจสอบได้ โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังพบรถยนต์ที่เป็นสาเหตุของการระเบิด เกิดแพลิงไหม้ทั้งคัน อยู่บริเวณกลางถนน ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบวัตถุระเบิด กำลังรอเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำการดับเพลิงอยู่

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เบตงวางระเบิดทหารชุดคุ้มครองครูเจ็บ2นาย (7 ก.พ. 54).mp4

เบตงวางระเบิดทหารชุดคุ้มครองครูเจ็บ 2 นาย
      
       เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 7 ก.พ. 54 ร.ท.สราวุธ อุ่นจะ นำ ผบ.ร้อย ม.3 ฉก.ยะลา 16 รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุด รปภ.ครู บนถนนภายในหมู่บ้านธารมะลิ ม.4 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย จึงพร้อมด้วย นายอุรุพงษ์ ชนะกุล ปลัดอำเภอฝ่ายงานป้อง และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ร้อย ตชด.445 เบตง รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
       พบว่าบริเวณผิวกลางถนนมีหลุมลึก 1 ฟุต กว้าง 2 ฟุต และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊ส ปิกนิก หนัก 5 ก.ก.จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ที่มีการลากสายไฟฟ้าเข้าไปในป่ารกทึบบริเวณข้างทาง ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน และห่างไปประมาณ 200 เมตร เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์จำนวน 2 คันจอดอยู่ริมถนนในสภาพที่กระจังหน้าถูกสะเก็ดระเบิดเป็นรูพรุน ส่วนผู้บาดเจ็บเพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลเบตงไปก่อนหน้าแล้ว คือ สอ.ธีรเดช มหาอุต อายุ 34 ปี พลทหาร พงษกร เขื่อนรอบเขต อายุ 22 ปี สังกัดทหาร ร้อย ม.3 ฉก.ยะลา 16 มีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดขาขวา แขนซ้ายและร่างกาย ทั้ง 2 เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ
       จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ สอ.ธีรเดช หน.ชุด ได้นำกำลังทหารรวม 12 นายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากฐานปฏิบัติการณ์ เพื่อทำหน้าที่ รปภ.ครูโรงเรียนบ้านธารมะลิ ก่อนเกิดเหตุหลังกลับจากส่งคณะครู เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน แฝงตัวอยู่ในบ้านรกทึบริมทาง ได้ใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปฝังไว้กลางถนน และได้เกิดระเบิดขึ้นขณะที่รถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ขับผ่าน แต่โชคดีระเบิดทำงานไม่สมบูรณ์ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเพียง 2 นาย ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ร้ายรายวันของกลุ่มโจร ใต้ที่แฝงตัวอยู่ในพื้นที่
      ข่าว....
      เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

อส.ชุด รปภ.ครูยะลา” เจ็บ 5 นาย


กดบึ้ม “อส.ชุด รปภ.ครูยะลา” เจ็บ 5 นาย ขณะเดินทางกลับที่ตั้ง

       เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554 เวลา 08.05 น. ศูนย์รวมข่าว สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน สภ.เมืองยะลา ว่า ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บนถนนสายท่าสาป-สนามบิน หมู่ 1 บ.ท่าสาป ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 นาย จึงได้แจ้ง พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.เมืองยะลา พร้อมประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เดินทางเข้าตรวจสอบทันที

       เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุโดยรอบ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เข้าตรวจสอบ พบรถยนต์กระบะโตโยต้าสีน้ำเงิน หมายเลข ปพ 5079 กทม. ซึ่งเป็นรถยนต์ของทางราชการ จอดอยู่โดยที่ด้านข้างตัวรถด้านซ้าย ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันลำเลียงส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา จำนวน 5 ราย ทราบชื่อคือ นายวิเชียร สายดวง หัวหน้าชุด นายอับดุลรอแม มะเซ็งบางี นาย มะหาดี ดือรานิง นาย ณัฐศักดิ์ นวลจันทร์ นาย รัดกมล แซ่ว่อง

      นอกจากนั้นในจุดเกิดเหตุพบเสาไฟฟ้าถูกแรงระเบิดได้รับความเสีย หายหัก 1 ต้น อยู่ริมถนนข้างรถ นอกจากนั้นยังพบเศษสะเก็ดระเบิด เศษกล่องเหล็กที่คาดว่าใช้บรรจุระเบิด และเศษวงจรอีเลคทรอนิค ตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 3-5 กก.บรรจุในกล่องเหล็กผูกติดอยู่กับเสาไฟฟ้าริมถนน ส่วนการจุดชนวนอยู่ในระหว่างตรวจสอบว่า เป็นระบบรีโมทหรือระบบมือถือ

      จากการสอบสวนทราบว่าในขณะที่อาสาสมัครรักษาดินแดน ทั้ง 5 นาย เดินทางด้วยรถยนต์กระบะคันดังกล่าว กลับจากการรักษาความปลอดภัยครูโรงเรียนบ้านท่าสาป เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ คนร้ายซึ่งได้นำระเบิดมาผูกติดไว้กับเสาไฟฟ้าริมถนน ได้จุดชนวนระเบิดขึ้นทันที ทำให้เสาไฟฟ้าหัก และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ที่ต้องการสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

“บึ้ม” คนหาของป่ายะลา ดับ 9 เจ็บ 2 ที่ อ ยะหา จ ยะลา


“บึ้ม” คนหาของป่ายะลา ดับ 9 เจ็บ 2 ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา
      เมื่อวันที่ 25 ม.ค 54 เวลา 17.35 น.ศูนย์วิทยุ สภ.ยะหา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ถนนภายในหมู่บ้าน บ้านปะแดรู หมู่ที่ 1 อ.ยะหา จ.ยะลา มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงได้แจ้ง พ.ต.อ.สวัสดิ์ เตียวิวัฒน์ ผกก.สภ.ยะหา พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง พร้อมมูลนิธิกู้ภัย เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
      เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะอีซูซุแคป ดีแม็กซ์ สีบรอนด์เงิน หมายเลขทะเบียน บว.3488 สงขลา ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดพังยับเยิน พร้อมกับพบร่างผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์ และอยู่ข้างทาง ริมถนนรวม 7 ราย นอกจากนั้นยังพบซากหมูป่า สุนัข และอาวุธปืนตกอยู่เกลื่อนถนน นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา จำนวน 4 ราย และได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา 2 ราย ขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อ
      โดยห่างจากรถยนต์เล็กน้อย เจ้าหน้าที่พบหลุมที่เกิดจากแรงระเบิดกว้างประมาณ 2 เมตร รวมทั้งเศษถังดับเพลิง และสายไฟ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุในถังดับเพลิง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 กก. ที่คนร้ายนำมาฝังใต้ผิวถนน
      จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่ ชาวบ้านทั้ง 11 ราย ซึ่งเป็นคนพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ได้ขับรถยนต์กลับจากหาของป่าในพื้นที่ เพื่อเดินทางกลับ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้าย ซึ่งได้ซุ่มอยู่ในบริเวณจุดเกิดเหตุ ได้จุดชนวนระเบิดขึ้นทันที เป็นเหตุให้ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวเสียชีวิตรวม 9 ราย และบาดเจ็บ 2 รายดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์ ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

ความเสียหายภายในฐานทหารที่ระแงะ

ระเบิด ตชด พลร่ม บันนังสตา

นรา โจรใต้วางระเบิด จยย บอมบ์ดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารที่บาเจาะ ...

เหิมไม่หยุด! โจรใต้วางบึม จยย. บอมบ์ทหารเจ็บ 2 นายที่ อ.บาเจาะ  นราธิวาส ขณะออกฐาน ไปพบปะชาวบ้านในพื้นที่ ต.บาเร๊ะใต้ พบซากระเบิดประกอบใส่ท่อเหล็กหนัก 10 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร...

เมื่อ เวลา 09.20 น.วันที่ 20 ม.ค. พ.ต.ท.ประทีป สุขสาร สารวัตรเวร สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายวางระเบิด จยย.ดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุดสันติสุขที่ 405 บนถนนสายบ้านทอน-บาเจาะ บ้านบือเร๊ะ หมู่ 1 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย จึงพร้อมด้วย น.ท.รัฐโรจน์ อภิรัชช์รัศมี ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบซากรถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเมท สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน คนร้ายนำระเบิดไปผูกไว้ที่บริเวณตะแกรงด้านบนของตัวเครื่องตกกระจายเกลื่อน ทั่วบริเวณ และพบซากชิ้นส่วนของระเบิดที่คนร้ายนำไปประกอบใส่ไว้ในท่อเหล็กทรงกลมหนัก 10 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกบริเวณถนนและพงหญ้าริมทางอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 นายเพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษา รพ.บาเจาะ ทราบชื่อ คือ 1.จ.ส.อ.ประยูร ขุนสวัสดิ์ อายุ 55 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณแขนซ้าย 2.จ.ส.อ.จำลอง ภิรมย์สุข อายุ 49 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำตัว

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.พงศธร เฟื่องปาง หน.ชุดได้นำกำลังจำนวน 5 นาย นั่งรถยนต์กระบะ และรถ จยย.รวม 2 คัน ออกจากฐาน เพื่อเดินทางไปพบปะชาวบ้านในพื้นที่ ต.บาเร๊ะใต้ เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายซึ่งแฝงตัวอยู่ริมทางใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวน ระเบิด ที่นำไปผูกไว้บริเวณตะแกรงด้านบนของตัวเครื่องรถ จยย. ซึ่งคนร้ายนำไปจอดไว้ริมถนน และเกิดระเบิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารขับและขี่รถ จยย.ผ่าน ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บดังกล่าว.

นรา แฉโจรใต้วางแผนถล่มฐานทหารที่ระแงะ


ชี้โจรใต้ถล่มฐาน ปล้นอาวุธ เอ็ม16หายเพียบ
แฉโจรใต้ถล่มฐานทหารที่นราฯ หวังปล้นอาวุธ พบอาคารน็อคดาวน์ ที่ใช้เป็นสถานที่เก็บอาวุธประจำฐานถูกงัด ปืนเอ็ม.16, ปืนพกสั้นหายไปกว่า50กระบอก กระสุนอีก 4 พันนัด คาดเตรียมก่อเหตุใหญ่ ด้านมทภ.4ลงพื้นที่เยี่ยมอาการ และให้กำลังใจ...

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 20 ม.ค.ที่ตึกศัลยกรรมชาย รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย นายเดชรัตน์ สิมศิริ รอง ผวจ.นราธิวาส เข้าเยี่ยมอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัด ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 จำนวน 6 นาย ซึ่งถูกกลุ่มคนร้ายบุกยิงถล่มภายในฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.15121 โดยทำให้ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย ร.15121 เสียชีวิตในที่เกิดเหตุพร้อมลูกน้องอีก 3 นายประกอบด้วย ส.อ.เทวรัตน์ เทวา ส.อ.อับดุลเลาะห์ ตาหยี และพลฯประวิทย์ ชูกลิ่น


ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เยี่ยมพร้อมซักถามถึงอาการบาดเจ็บจากแพทย์ของ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งผู้บาดเจ็บทั้ง 6 นาย มีอาการสาหัส 2 นาย โดยนอนรักษาตัวอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดที่ห้องไอซียู คือ ส.อ.สุคน ชูศรี อายุ 28 ปี ที่ถูกกระสุนเข้าที่บริเวณก้นและขา และ พลฯธันวา ยอดแก้ว อายุ 22 ปี ซึ่งถูกกระสุนเข้าที่ปอดเฉี่ยวขั้วหัวใจ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบเงินเยียวยาสภาพจิตใจของทหารทั้ง 6 นาย โดยสรุปยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 4 นาย และผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดรวม 13 นาย นอกพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ จำนวน 6 นาย และพักรักษาตัวอยู่ที่ฐานปฏิบัติการจำนวน 7 นาย

พล.ท.อุดมชัย กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้มีการเตรียมความพร้อมและเฝ้าระวังในหลายพื้นที่โดย เฉพาะพื้นที่เสี่ยง แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งกลุ่มคนร้ายลงมือปฏิบัติการอย่างอุก อาจในช่วงเวลา 19.30 น.นั้น เกิดข้อผิดพลาดที่กองกำลัง ทำให้เกิดช่องโหว่ ซึ่งจะต้องมีการประเมินและหาแนวทางเพื่อแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่น นี้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเกิดการสูญเสียกำลังพลอีกครั้งหนึ่ง แต่เท่าที่ทราบทุกนายก็พยายามเต็มที่แล้ว โดยมีการยิงปะทะกันประมาณ 30 นาที อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่ปฏิบัติงานของกองกำลังทุกหน่วยเชื่อว่า ประชาชนทุกคนเข้าใจในการทำงานของภาครัฐมากขึ้น โดยเหตุการณ์ที่ผ่าน ๆ มาซึ่งเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีจะเป็นตัวช่วยทำให้ประชาชนรู้ซึ้งถึง พฤติกรรมความมุ่งร้ายของฝ่ายตรงข้ามได้ชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน

ต่อมา เวลา 08.30 น. วันเดียวกัน นายเดชรัฐ สิมศิริ รอง ผวจ.นราธิวาส พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชุดคลี่คลายคดีความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการพระองค์ดำ สังกัด ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 ริมถนนสายมะรือโบตก-รือเสาะ บ้านมะรือโบตก หมู่ 1 ต.มะรือโบ ตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งถูกกลุ่มคนร้ายยิงถล่มฐานทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง

จากการตรวจสอบความเสียหายพบว่ามีอาคารน็อคดาวและเพิงพักของทหารถูก คนร้ายวาง เพลิง ได้รับความเสียหาย 4 หลัง รถ จยย.ถูกวางเพลิง 1 คัน โดยเฉพาะที่บริเวณอาคารน็อคดาวที่ใช้เป็นสถานที่เก็บคลังอาวุธประจำฐาน ถูกกลุ่มคนร้ายงัดประตูและขโมยอาวุธปืนสงคราม เอ็ม.16 และอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 11 ม.ม. ไปจำนวนกว่า 50 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนกว่า 4,000 นัด นอกจากนี้บริเวณรั้วสนามที่ใช้ทำเป็นกำแพงด้านหลังของฐาน เจ้าหน้าที่พบกลุ่มคนร้ายได้ใช้ไม้กระดานขนาดยาวประมาณแผ่นละ 3 เมตร จำนวนกว่า 10 แผ่น วางพาดเพื่อใช้เป็นสะพานในการวิ่งกรูเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารแบบประชิดตัว และเจ้าหน้าที่สามารถเก็บรวบรวมหลักฐานและชิ้นส่วนของวัตถุระเบิด ซึ่งกลุ่มคนร้ายใช้เป็นอาวุธในการบุกโจมตีเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบพบหลุมเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม.79 และเอ็ม.203 จำนวนกว่า 20 จุด ปลอกกระสุนปืน เอ็ม.16 เอ็ม.60 อา.ก้า.ลูกซอง อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. ขนาด 11 ม.ม. ตกอยู่เกลื่อนบริเวณฐานทหาร รวมทั้งสิ้นกว่า 700 นัด

โดย แหล่งข่าวชุดคลี่คลายคดีความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าร่วมตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้นใน ครั้งนี้ได้ประเมินว่า การปฏิบัติการของกลุ่มคนร้ายในครั้งนี้มีไม่ต่ำกว่า 40 คน มีการวางแผนบุกโจมตีฐานไว้อย่างดีกว่าเหตุคนร้ายบุกปล้นปืนที่กองพันพัฒนา 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2547 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดกลุ่มคนร้ายน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวกำลังพลและความเคลื่อนไหวภายในฐาน จึงหาช่องว่างบุกโจมตีในช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งกำลังที่ปฏิบัติการในครั้ง นี้เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเคยร่วมบุกปล้น ปืนด้วย โยมีนายมะแซ อุเซ็ง เป็นผู้บงการในการรวบรวมอาวุธเพื่อเตรียมนำมาใช้ก่อเหตุร้ายครั้งใหญ่ใน พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ราวประมาณเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมที่จะถึงนี้

ส่วนการติดตามไล่ ล่ากลุ่มคนร้ายนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจและฝ่ายปกครองที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ อำเภอระแงะ ได้ร่วมสนธิกำลังประมาณ 300 นาย พร้อมสุนัขสงครามดมกลิ่นกระจายกำลังกันโอบล้อมเทือกเขาซึ่งตั้งอยู่หลังฐาน และเป็นเส้นทางหลบหนีของกลุ่มคนร้ายหลังจากปฏิบัติการถล่มฐานทหารแล้ว เสร็จ ซึ่งในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบรอยเลือดของกลุ่มคนร้ายหยดตามเส้นทางที่มุ่ง หน้าขึ้นสู่เทือกเขา ซึ่งห่างจากฐานประมาณ 500 เมตร และคาดว่ากลุ่มคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ยิงได้รับบาดเจ็บไปจำนวนหลายคน.